ช่วยกันเพิ่มช่องทาง ข้อมูล ข่าวสาร-สาระความรู้ ให้กับพี่น้องชาวแรงงานนอกระบบ
"รู้ลึก รู้ทัน รู้จริง รู้ก่อน...ไม่โดนเขาหลอกให้ช้ำใจ"
"รอโหลดซักกะเดี๋ยว..ตะเอง"


. . . สวัสดีครับ . . .
ยินดีต้อนรับทุกๆท่าน . . . Welcome to . . .
. . . แ ร ง ง า น น อ ก ร ะ บ บ . . . ร่วมด้วยช่วยกัน . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ

@ ปู้นนน...!!! คนเมืองใต้เจียงใหม่ของหมู่เฮาลงไปตางปู๊นนน..... @ 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

16... 2ปีกว่า ที่โกหก




2 ปีกว่า ที่โกหก
วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2554 9:15 น.
By: http://www.bangkok-today.com/node/8485

ผลงานทุกอย่างเป็นแค่ประติมากรรมน้ำลาย
คนไทยเดือดร้อนหนัก,,,ของแพงสินค้าขาด

หลังการทำรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพเดินหน้าไม่ได้ ทุกอย่างมีปัญหาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของประชาธิปไตย เรื่องของการแตกต่างทางความคิด สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศอย่างหนักมาโดยตลอด

แม้แต่กระทั่งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องของปากท้องประชาชน ซึ่งก่อนหน้าการทำรัฐประหารกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เศรษฐกิจไทยกำลังโงหัวขึ้นมาหลังจากที่บอบช้ำเพราะการแก้ปัญหาแบบผิดๆ ด้วยการทำตามคำสั่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟอย่างเคร่งครัดของรัฐบาลชวน หลีกภัย แห่งพรรคประชาธิปัตย์

ซึ่งผลจากการเป็นเด็กดีให้กับไอเอ็มเอฟ ผลจากการขายทรัพย์สินโดยฝีมือของ ปรส. ภายใต้การตัดสินใจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น ภายใต้การไฟเขียวและหนุนหลังอย่างเต็มที่ของนายชวน ทำให้เศรษฐกิจไทยยิ่งดิ่งเหว

แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าอย่างหลวงตามหาบัว ผู้ซึ่งพึ่งจะมรณภาพไปเมื่อไม่นานนี้ ก็ยังต้องมาวุ่นวายกับเรื่องทางโลกด้วยการออกมาเป็นแกนนำในการทอดผ้าป่าหาทองคำไปช่วยชาติ

กว่าเศรษฐกิจของไทยจะเริ่มโงหัวได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี แต่สุดท้ายก็ต้องมาเบรกลงด้วยการทำรัฐประหารของ คมช. ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้กับบ้านเมืองเลยซักนิด มีแต่จะซ้ำเติมทุกอย่างให้เลวร้ายลง

ที่สำคัญรัฐบาลหลัง 19 กันยา 49 ล้วนขาดเสถียรภาพเพราะปัญหาการเมืองไม่จบ

จนสุดท้ายเมื่อกลุ่มอำนาจพิเศษผนึกกำลังกับกลุ่มทหารพลิกเกมประชาธิปไตยที่แท้จริง ผลักดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และให้พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในแง่ของเกมการเมืองอาจจะดูเหมือนว่าสามารถตรึงสถานการณ์ให้อยู่ภายใต้อำนาจที่หนุนหลังนายอภิสิทธ์ได้

แต่ในความเป็นจริง ปัญหาการคิดต่างยังไม่เคยหมดสิ้นไป... ขนาดที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เลือกใช้วิธีการสลายการชุมนุมของประชาชนจนกระทั่งมีคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บกว่า 2 พันคน ก็ไม่ได้ทำให้ความคิดต่างและการเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงหยุดยั้งลงได้

การสลายการชุมนุมของประชาชนด้วยกองกำลังทางทหารทำให้เพียงแค่สร้างบทเรียน ให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการต่อสู้ทางการเมืองเท่านั้น

ในขณะที่รัฐบาลเองก็รู้ดีว่านับวันกระแสการโหนทหารและกลุ่มอำนาจพิเศษเพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาลนั้นมีแต่จะถูกโจมตีและขุดคุ้ยมากขึ้นเรื่อยๆ จึงถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลในขณะนี้

ครั้นจะสร้างผลงานขึ้นมาเพื่อสร้างคะแนนนิยม และสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาลก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเอาเข้าจริงๆรัฐบาลของนายอภิสิทธ์ ไล่ลงมาตั้งแต่ตัวนายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไปจนถึงรัฐมนตรีทุกคนไม่ได้มีฝีมือที่แท้จริงในการที่จะแก้ปัญหาของชาติและกอบกู้ภาวะเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้เลย

สิ่งที่ทำได้เป็นที่กระฉ่อนฉาวและพูดกันทั้งประเทศก็คือ ผลงานในเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่นที่อื้อฉาวเป็นอย่างมาก มากเสียยิ่งกว่าสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ คมช.อ้างว่ามีการทุจริตมากจนต้องทำรัฐประหารด้วยซ้ำ

นโยบายขายฝัน 99 วันทำได้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงวันนี้ยังเป็นแค่เพียงประติมากรรมน้ำลาย ที่ประชาชนไม่สามารถจับต้องได้

ยิ่งนโยบาย “ประชาชนต้องมาก่อน” ยิ่งเห็นชัดเจนว่าระยะเวลา 2 ปีกว่าในการเป็นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ สิ่งที่ประชาชนได้รับกลายเป็นความเดือดร้อนไปหมดทุกเรื่อง

อย่างเรื่องกรณีน้ำมันปาล์ม คำตอบของนโยบายประชาชนต้องมาก่อนก็คือ ประชาชนต้องแห่มาเข้าคิวซื้อน้ำมันปาล์มก่อนใคร เพราะถ้ามาช้าก็ไม่ได้น้ำมันไปใช้

ทั้งๆที่สต๊อกของน้ำมันปาล์มซึ่งปกติจะต้องมีการรักษาไว้ให้อยู่ในระดับ 2 แสนตันอยู่ตลอดเวลา แต่ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2553 เป็นต้นมา กลับมีไอ้โม่งเข้ามาทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มลดลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการนำเข้ามาทดแทน กระทั่งน้ำมันในสต๊อกหมดเกลี้ยง ปัญหาจึงปะทุขึ้นมาอย่างหนักในช่วงกุมภาพันธ์ 54

เป็นความเดือนร้อนของประชาชนท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการสวาปามน้ำมันปาล์มกันจนปากมันแผล็บ

จนถึงวันนี้ราคาคุยที่ว่าปัญหาน้ำมันปาล์มจะจบสิ้นลงภายในวันเดียวของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ยังเป็นปัญหาอยู่

ซ้ำยังเกิดกรณีอเนจอนาถใจกับการหาแพะไล่จับปลาซิวปลาสร้อยของรัฐบาลชุดนี้ โดยบางคนไปซื้อน้ำมันปาล์มในราคาขายตามกำหนดคือขวดละ 47 บาท เอามาวางขายในราคาแค่ขวดละ 49 บาท

ซึ่งในแง่ผู้บริโภคแล้วหลายคนเต็มใจที่จะซื้อในราคา 49 บาท ดีกว่าที่จะตระเวนขับรถไปหาซื้อตามจุดธงฟ้า หรือหาซื้อตามห้าง เพราะคิดแค่ขึ้นรถเมล์ต่อเดียว ไปกลับก็ 14-16 บาทแล้ว ฉะนั้นซื้อในราคา 49 บาทย่อมถูกกว่าไปหาซื้อเองมากมาย

แต่คนขายซึ่งได้กำไรแค่ขวดละ 2 บาทวันหนึ่งขายได้ 10 หรือ 20 ขวดมีกำไรแค่ 20-40 บาทเพื่อจะเอามาเลี้ยงครอบครัว กลับโดนตำรวจโดนกรมการค้าภายในจับกุม

ปัญหาประชาชนต้องมาก่อน ต้องเดือดร้อนก่อนไม่ได้หยุดยั้งแค่เพียงเรื่องของน้ำมันปาล์ม ขณะนี้ได้ลามไปสู่ปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนต้องเข้าคิวซื้อ ต้องซื้อปันส่วนแบบจำกัดจำนวน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตลกอย่างยิ่งในสายตาของชาวโลก เพราะไม่เพียงประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกอ้อยได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยยังประกาศตัวเป็นครัวของโลก แต่ก้นครัวกลับไม่มีน้ำมันปาล์ม ไม่มีน้ำตาลใช้

เป็นความล้มเหลวอย่างมากถึงมากที่สุด ที่ประจานผลงานและฝีมือการบริหารของรัฐบาลนี้ได้เป็นอย่างดี

ฝีมือบริหารที่สร้างความเดือดร้อนขาดแคลนให้กับประชาชนอย่างหนัก ไม่ได้มีเพียงแค่สินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แม้แต่บัตรประชาชน รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ก็ยังบริหารจนขาดแคลนได้

ประชาชนคนไทยต้องย้อนยุคกลับไปใช้ใบเหลือง ต้องไปต่อใบเหลืองหลายรอบจนใบเหลืองแทบขาดวิ่น นี่คือผลงานของรัฐบาลที่ประกาศว่าประชาชนต้องมาก่อน

ซึ่งปัญหาบัตรประชาชนขาดแคลนก็ไม่ต่างจากปัญหาสินค้าขาดแคลน คือยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นฉาวคาวทุจริตเหมือนกันไม่มีผิด!!!

ความไม่มีฝีมือของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แม้แต่คิดจะลอกเลียนแบบนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยมาใช้ก็ยังทำตัวเป็นอีแอบถึงขนาดใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนกว่า 69 ล้านบาทให้บริษัทต่างชาติมาช่วยคิดโครงการประชาวิวัฒน์ให้ โดยผลงานชิ้นเอกคือการให้ขายไข่เป็นกิโล???

โดนด่าทั้งเมืองว่าแค่คิดวิธีการชั่งไข่ขายเป็นกิโลยังต้องให้ฝรั่งคิดให้ มันน่าอเนจอนาถใจยิ่งนัก

และอีกปัญหาใหญ่ที่กำลังตั้งเค้าส่อมรสุมคือเรื่องของราคาน้ำมัน ที่กำลังจะสร้างปัญหาอย่างหนักให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพราะวันนี้ราคาน้ำมันเบนซินได้ขึ้นไปสูงถึงลิตรละ 42 บาทแล้ว!!!

ทั้งต้นทุนค่าขนส่ง ทั้งค่าใช้จ่ายในการครองชีพของคนไทยพุ่งพรวดเห็นๆ
จากประชาชนต้องมาก่อน...กลับกลายเป็นประชาชนต้องเดือดร้อนก่อน อย่างชัดเจนที่สุด

แม้แต่เรื่องนโยบายเรียนฟรี 15 ปีซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามอวดอ้างว่าเป็นผลงานทีประสบความสำเร็จและจับต้องได้มากที่สุดนั้น จนวันนี้ประชาชนทั้งประเทศก็ยังงุนงงสงสัยว่าประชาธิปัตย์ละเมอเพ้อพกอยู่ได้อย่างไร

ผู้ปกครองทั่วประเทศไม่ว่าโรงเรียนรัฐหรือโรงเรียนเอกชนยังคงต้องจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกหลานกันทุกคน สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าเรียนฟรีคือ การให้เศษเงินมาซื้อชุดนักเรียน 1 ชุดเท่านั้น

ส่วนหนังสือเรียนที่บอกว่าไม่ต้องซื้อแต่ให้ใช้ระบบยืมเรียน แล้วโมเมว่าเป็นการเรียนฟรีนั้นก็อยู่ในสภาพเก่าชำรุดจนบางโรงเรียนทนไม่ไหวต้องหาทางระดมทรัพยากรหรือกระเบียดกระเสียรหางบประมาณมาซื้อหนังสือเรียนให้แทน

นี่หรือคือสิ่งที่ใช้ภาษีของประชาชนขึ้นป้ายคัทเอ้าท์อวดหราว่าคนไทยได้เรียนฟรี 15 ปี

ระยะเวลากว่า 2 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลล้วนแล้วแต่ตลบอบอวลไปด้วยคำโกหกพกลมไปวันๆ จนทำให้รัฐบาลชุดนี้ถูกโจมตีในเรื่องการสร้างประติมากรรมน้ำลายอย่างต่อเนื่อง

แม้แต่ม็อบพันธมิตรซึ่งเคยอุ้มชูสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล วันนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำของม็อบพันธมิตรยังกลับลำมาบอกว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่โกหกพกลมมาตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว

จริงๆ แล้วในอดีตนายอภิสิทธิ์ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่น่าจะมีความสามารถ น่าจะมีอนาคตทางการเมืองที่ดี เพราะมีพื้นฐานการศึกษาที่ดี แต่กลับกลายเป็นว่าพื้นฐานการศึกษาที่นายอภิสิทธิ์มี ไม่สามารถช่วยอะไรนายอภิสิทธิ์ได้เลย

นายอภิสิทธิ์เปรียบเหมือนคนที่รู้ธรรมะอย่างมากมาย สามารถเขียนธรรมะเป็นตำราได้เป็นเล่มๆได้อย่างสบาย

แต่ในทางปฏิบัตินายอภิสิทธิ์กลับไม่สามารถทำได้ แม้แต่ธรรมะง่ายๆ
ในเรื่องของศีล 5

การสลายการชุมนุมจนมีคนตาย 91 ราย เป็นสิ่งที่เข้าข่าย ศีลข้อที่ 1

การทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นมากมาย เป็นสิ่งที่เข้าข่าย ศีลข้อที่ 2

ส่วนศีลข้อที่ 3 กาเมสุมิจฉานั้น หลายคนคงต้องไปตีความว่าพฤติกรรมที่ฝรั่งเรียกว่า“Closet”นั้นเป็นสิ่งที่เข้าข่ายศีลข้อ 3 หรือไม่!?!

และใครบ้างเป็นคนกระทำ??? ซึ่งนายอภิสิทธิ์น่าจะรู้ดีที่สุด

สำหรับศีลข้อ 4 ประติมากรรมน้ำลายทั้งหลายก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ส่วนศีลข้อ 5 พฤติการณ์รัฐบาลลูกจ้างโรงเหล้า สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่ารัฐบาลนี้ปล่อยให้นายทุนโรงเหล้ามอมเมาประชาชนมากเพียงใด

วันนี้แม้แต่ประเทศในตะวันออกกลางรัฐบาลที่กุมอำนาจมายาวนานเป็น 30-40 ปีก็กำลังถูกพลังประชาชนออกมาขับไล่ ไม่รู้เหมือนกันว่าภาพบทเรียนเหล่านั้นจะทำให้รัฐบาลภายใต้กลุ่มอำนาจพิเศษและทหารที่อุ้มชูจะฉุกใจคิดกันบ้างหรือไม่ว่า

โกหกบางคนหรือโกหกบางครั้งนั้นอาจะทำได้ก็จริง...

แต่การโกหกทุกคน โกหกทุกครั้ง ไม่มีวันปิดบังความจริงได้แน่นอน!!!