@ ผมเคยคิดว่า ปชป.แม้จะเป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ดังนั้นผมจึงคิดว่า...
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง
@ "ดิฉันวินิจฉัยแล้ว ไม่มีหรอกค่ะโรคขี้ข้าทักษิณ มีแต่โรคอยากกลับมาเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องชนะเลือกตั้งทักษิณ"
@ ภาพรวมในความคิดผม หนึ่งวันก่อนตัดสินจนถึงยกคำร้อง
@ สาเหตุที่มึงป่วย...เพราะ...โง่...
@ นกแก้วตัวนั้น?
@ สามก๊กภาคพิสดาร (การเมือง)
@ แม่หมาขี้เรื้อนตัวนั้น... ใครอ่านแล้วต่อมน้ำตาไม่แตก E-mail มารับรางวัล
@ "มาร์ค" ร้องสะอึก..สะอื้น ฟ้องสื่ออ้างแดงเชียงใหม่จงใจทำร้าย ทั้งทุบ ทั้งตี และปาหินใส่รถยนต์
@ หัวเชือกวัวชน...
@ Free WiFi ทั่วประเทศ เปิดแล้ววันนี้ (3สิงหาคม2555)
@ คนไทยบางกลุ่มใจแทบสลาย เมื่อทักษิณบินอเมริกา...
@ Clipยกต่อยก..."แก้ว"โดนปล้น แต่"แก้ว"คือ"ฮีโร่"ของคนไทย
@ อึ๋ยส์!! ที่นั่นมันไม่ใช่ตอแหลแลนด์นะเฟ้ย...
@ โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ของนายกฯปู สร้างอัจฉริยะสุดคุ้ม
@ เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น
นโยบายการจำนำข้าวเกวียนละหมื่นห้า ของนายกฯปู "นโยบายอัจฉริยะ อัดเม็ดเงินลงฐานรากกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาค"
By: ลูกชาวนาไทย
เอาละครับ ผมพอจะมองออกแล้วว่า โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร
สรุปคือ นายกฯปู รับซื้อข้าวจากชาวนาต้นเกวียนละ 15,000 บาท และรับซื้อทุกข้าวทุกเม็ดจากชาวนา ทำให้ "นายกฯปู กลายเป็นพ่อค้ารับซื้อข้าวรายเดียวของประเทศ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวยกระดับขึ้นไปทันทีเกวียนละ 15,000 บาท เงินก็จะถึงชาวนาที่มีข้าวขายทุกบาททุกสตางค์นั้นแหละ
ทีนี้เมื่อนายกฯปู เป็น "แม่ค้าข้าว" รายเดียว ซื้อข้าวทั้งหมดในประเทศไทย เมื่อซื้อมาได้ ก็ต้องขายไป หากนายกฯปูขายได้ราคามากกว่าหมื่นห้า ก็จะรวยเพียบ (คือรัฐบาลรวย) แต่หากขายได้ต่ำกว่าเกวียนละหมื่นห้า นายกฯปูก็จะขาดทุนบักโกรกแน่นอน
หากนายกฯปูรวย มีกิจการอื่นๆ มากมาย เช่น โรงงานผลิตรถยนต์ ผลิตอะไรจิปาถะ ขาดทุนจากการขายข้าวก็ไม่เป็นไร ถือว่าเอาเงินไปช่วยชาวนาก็แล้วกัน อาจขาดทุนสัก 50,000 ล้าน ก็ต้องหารายได้ทางอื่นไปชดเชย
ผมไม่มองกลไกตลาดข้าวแล้วนะครับ ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ผมจะมองเศรษฐกิจมหาภาคเป็นหลัก
ผมสงสัยว่าคนที่กำหนดให้นายกฯปูซื้อข้าวเกวียนละหมื่นห้านี้ "ต้องมีเจตนาทางด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน"
เพราะใครก็รู้ว่า ตอนนี้กลุ่มอียูมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การส่งออกของไทยน่าจะมีปัญหา ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว
การที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้จะต้อง "เพิ่มอำนาจซื้อให้กับตลาดภายในประเทศ" หรืออำนาจซื้อภายในประเทศ มาชดเชยกับการส่งออกที่ชะลอตัวลงเท่านั้น
และจะกระตุ้นการบริโภคได้อย่างไร หากยุคอภิสิทธิ์คือ แจกเงินคนชั้นกลางหัวละ 2,000 บาท โดยไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่นายกฯปูฉลาดกว่านั้นมาก แทนที่จะเพิ่มอำนาจซื้อให้คนชั้นกลาง ก็เพิ่มที่ "ฐานราก" เลยคือ "ชาวนา" ครับ กำหนดราคาข้าวเกวียนละ 15,000 บาท เท่ากับเป็นการ "อัดเม็ดเงินลงสู่ภาคชนบท" เป็นเงินนำแสนล้านบาท
ชาวนาเป็นพวกที่เก็บเงินไม่เป็นอยู่แล้ว ได้เงินมาเท่าไหร่ก็จะบริโภคไปทั้งหมด ดังนั้น ในปีหน้า การซื้อรถมอเตอร์ไซค์ รถปิ๊คอัพ และสินค้าอุปโภคบริโภคก็จะขยายตัวขึ้นอย่างมหาศาล "ตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจก็จะมากขึ้น" เม็ดเงินก็จะหมุนไปตามแคมเปญ ยุคทักษิณก็จะกลับมา
ในที่สุดแล้วเศรษฐกิจในปีหน้าก็จะขยายตัวจากการบริโภคภายใน โครงการรถยนต์ต่างๆ ที่รัฐบาลอัดลงไป ก็จะช่วยเสริม
สรุปคือ คนที่คิดโครงการจำนำข้าว เกวียนละหมื่นห้า นี้ เขาคิดจากฐานเศรษฐศาสตร์มหภาคมาเป็นหลัก ยอมขาดทุนจากการจำนำข้าว แต่หากคิดว่านี่คือ "เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ" มันก็เป็นเงินที่มากกว่าสูญเปล่าครับ
บางทีมันมีอะไรมากกว่าที่เราจะเถียงกันว่า "จำนำข้าว" ของนายกฯปู กับ การประกันรายได้ ของนายกฯมาร์ก อะไรดีกว่ากัน
ผมว่านโยบายนายกฯปูจะส่งผลกระทบต่อภาคชนบทอย่างมหาศาล เป็นการยกระดับรายได้ชาวนาอย่างแท้จริง
และที่สำคัญคือ การสร้างตลาดภายในประเทศ ขึ้นมาทดแทนตลาดโลกที่หดตัวลงครับ
@ อ่านกระทู้เกี่ยวเนื่องกัน แชมป์’กินไม่ได้...
By: X-Files
นี่เป็นหนึ่งในจิ๊กซอร์ด้านการบริหารในภาพของ Macro ครับ แต่ไม่ได้บอกแค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว มันมีอีกหลายๆ ศาสตร์ซ่อนอยู่ตรงนี้ด้วย
มองภาพเศรษฐกิจก็เป็นอย่างที่ จขกท.อธิบาย ตลาดโลกแย่ การส่งออกก็จะแย่ตาม ถ้าไม่ทำให้เศรษฐกิจภายในขยายตัว คนจะตกงานเพิ่ม อาชญากรรมเพิ่ม ฯลฯ
ทีนี้ถ้าต้องการทำให้เศรษฐกิจภายในเพิ่มเราก็คิดแยกส่วน ระยะสั้นควรทำอะไร ระยะกลาง ระยะยาว เอาให้ได้ทุกๆ ภาคส่วนพร้อมๆ กันหมด พอเราทำข้างในเสร็จ ก็คิดว่าข้างนอกก็คงพอจะฟื้นฟูได้แล้ว เราก็บุกได้สบายๆ
ระยะสั้น : เราก็ทำหลายๆ อย่าง เช่น 300 บาท/ 15,000 บาท, โครงการรับจำนำข้าว, กองทุนหมู่บ้านต่างๆ เพื่อสร้างกำลังซื้อในประเทศ เมื่อประชาชนมีกำลังซื้อ ธุรกิจต่างๆในประเทศก็ไม่ซบเซา คนก็ยังมีงานทำมีรายได้ อาชญากรรมก็ลดลง ฯลฯ
ระยะกลาง : โครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านหลังแรก นโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ฯลฯ ก็ต่อเนื่องมาจากแนวทางระยะสั้น เมื่อคาดว่าเราจะมีรายได้ เราก็ต้องมองหาปัจจัย 4-5-6 แนวทางนี้เราก็ต้องเชิญชวนนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนโดยมีนโยบายกระตุ้นการลงทุน เมื่อเขามาลงทุนมันก็เป็นการสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจในประเทศเรา รวมทั้งประเทศของคู่ค้าด้วยอีกทาง
ระยะยาว : โครงการเมกะโปรเจคต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ฯลฯ ก็จะเป็นหนึ่งในการกระตุ้นการลงทุนระยะยาว เป็นโครงการที่สร้างงานอย่างมหาศาล ตรงนี้เป็นแนวทางที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆ ก็น่าจะคิดทำ ถ้ามองถึง Macro View
ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ในปลายทางก็มีรัฐบาลคอยเก็บภาษีได้ทุกๆเม็ด ทุกๆการเปลี่ยนมือทางการเงินอยู่แล้วรับ รัฐบาลไม่มีทางจนหรอกครับ ถ้าบริหารเป็น
แนวคิดของเราก็คือ "การเมืองเรื่องเศรษฐกิจ" ล้วนๆ ครับ ถ้าเราทำให้ประชาชนทุกๆภาคส่วนร่ำรวยได้จากการบริหารของเรา นั่นคือเราก็จะมีอำนาจทางการเมืองตามมาด้วยเช่นเดียวกัน
By: ลูกชาวนาไทย
อันนี้เห็นด้วยครับ คือ ระยะยาวก็ต้องดันเรื่อง Mega Project อย่างเต็มที่ เพื่อให้การลงทุนทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในระยะยาว ต่อไป หากมันสอดรับกันพอดี และมีกำลังซื้อที่เพียงพอ เศรษฐกิจก็จะเติบโตต่อไปได้เป็นเวลานาน
By: Hank
ดูสถิติรายได้รัฐ มันก็ยืนยันความเห็นของคุณ ลูกชาวนาไทยกับของคุณ X-Files นะ
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เคยเก็บได้เดือนละสี่ห้าหมื่นล้านและยอดเก็บแต่ละเดือนค่อนข้างคงที่ แต่ปีนี้เริ่มต้นก็ห้าหมื่นกว่าและเพิ่มขึ้นทุกเดือน ตอนนี้ไปห้าหมื่นเจ็ดแล้ว ถ้าคิดย้อนกลับไปเป็นยอดขายแต่ละเดือนนี่ เท่ากับเพิ่มจากปีก่อนเดือนละแสนล้านเลยนะ
คนกินเงินเดือนมีรายได้มากขึ้น (ยืนยันด้วยยอดการเก็บภาษีเงินได้บุคคล) ชาวนาได้เงินมากขึ้น ทุกคนก็ต้องใช้จ่าย เงินที่ใช้ไปก็จะทวีคูณค่าด้วยการหมุนเวียนในตลาดอยู่หลายรอบ ตามที่คุณลูกชาวนาไทยว่านั่นแหละ ผลมันก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก รัฐก็ค่อยเก็บคืนเอาที่ภาษีไปเรื่อยๆนั่นแหละ
By: ลูกชาวนาไทย
ชาวนาก็ได้ตามที่มีข้าวไป "จำนำ" นั่นแหละครับ คือ มีสิบเกวียน ก็ 10 x 15,000 บาท ก็ได้ไปแสนห้าหมื่นบาทนั่นแหละครับ
หากจะมีการทุจริต ก็คือ มี "ข้าวลม" ไปจำนำนั่นแหละครับ อันนี้ก็ต้องระวังให้ดี
ดังนั้น เม็ดเงินก็ต้องถึงชาวนาแน่นอนอยู่แล้ว
และไม่ต้องกลัวว่าข้าวจะราคาต่ำกว่า 15,000 บาท เพราะรัฐบาลรับจำนำที่ 15,000 บาท
ทุกเมล็ด นะครับ ไม่ใช่มีโควต้า
ชาวนาคนไหนยอมให้เขาหลอกรับจำนวน หมื่นสาม ก็ต้องโทษตัวเองที่โง่ละครับ
สิ่งที่ต้องระวังในโครงการนี้คือ "ข้าวลม"
By: ฮันนี่บอย
กิตติรัตน์ รับ มีทุจริตจำนำข้าว ระดับเจ้าหน้าที่... นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายโจมตีปัญหาทุจริตในการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า การทุจริตที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เกิดจากในส่วนของภาคปฏิบัติ เพราะในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ โดยขอให้ประชาชนที่พบเห็น แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการได้ทันที
ทั้งนี้ยืนยันว่า การดำเนินการยังเป็นไปตามแผนงานทุกประการ ทั้งเรื่องปริมาณข้าวที่เข้าร่วมโครงการวงเงินในการรับจำนำข้าว รวมไปถึงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีอะไรต้องห่วง แม้การระบายข้าวของรัฐบาลอาจทำให้มีผลขาดทุนได้บ้าง โดยมองว่า มีผลขาดทุนน้อยกว่าโครงการประกันรายได้เกษตรกร ของรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ซึ่งมีผลขาดทุนมากกว่า 50,000 ล้านบาท ในการประกันรายได้ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ราคาข้าวของเกษตรกรมีราคาถูกเกินควร
นายกิตติรัตน์ ยังได้ยืนยันว่า โครงการการรับจำนำข้าวเปลือกนั้น จะช่วยผลักดันราคาข้าวให้เป็นไปตามกลไกตลาด และมีราคาสูงขึ้น และเชื่อว่า จะสามารถทำให้ราคาข้าวขยับขึ้นมาจากกลไกในเรื่องของการประกันรายได้ได้ ซึ่งเห็นชัดว่า มีการกระเตื้องของราคาขึ้นมาได้จริง
By: ลูกชาวนาไทย
ผมกำลังคุยเรื่อง ผลทางเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ที่มองภาพรวม ไม่ใช่แต่เรื่องโครงการจำนำข้าวนะครับ
ทุจริตระดับเจ้าหน้าที่ ก็ต้องสอบสวนนะครับคุณฮันนี่บอย อันนั้นไม่เกี่ยวกับนโยบาย แต่เป็นกลไกการปฏิบัติของผู้ปฎิบัติ ก็ต้องหามาตรการควบคุม และลงโทษคนทุจริต
เรื่องการปฏิบัติ ก็ตองตรวจสอบซิครับ เอาหลักการก่อนส่วนการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายก็ต้องตรวจสอบควบคุม
อันที่จริงโครงการมันเชื่อมโยงกับบัตรเครดิตเกษตรกร ที่ควบคุมโดยธนาคาร ธกส. ซึ่งการออกบัตรเครดิต ก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว และเงินมันส่งตรงถึงรายย่อย การโกงจากรายย่อยอาจมี แต่ไม่น่าจะมาก จำนวนข้าว กับจำนวนเงินที่ลงไปมันต้องสัมพันธ์กัน
By: KingNight
ในฐานะที่เป็นชาวนา และลูกชาวนา ผมเห็นด้วยนะ กับวิธีการที่รัฐใช้อยู่
เห็นพวกพ่อค้าส่งออกรายใหญ่ ออกมาโวย ผ่านองค์กรของตัวเอง มีทีวีบางช่อง นำเสนอภาพด้านลบ สร้างภาพให้รัฐบาลเสียหาย เสมือนจะพยายามล้มโคลงการนี้ให้ได้
ผมว่า เอกชนไม่ขาดทุนหรอก แต่กำไรที่มากโข ที่ค้ากำไรเกินควร จะลดลง
คนทำนา จนเอ๊า จนเอา ส่วนพ่อค้า กำไรบานเบ๊อะ
ทุกวันนี้ ก็มีพวกนายทุน เอารถไปรอซื้อถึงที่นาเลย กะจะเอามาตาก เพื่อลดความชื้น และขายในราคาที่มีกำไร
เอกชน ขายข้าวจนหมด ไม่พอกับลูกค้า เพราะสต๊อกส่วนหนึ่งอยู่กับรัฐ อยากจะซื้อ แต่รัฐให้มาประมูล ราคา ที่นำเสนอต่อรัฐ ต่ำมาก รัฐก็ขายเอง กำไรเยอะกว่า
คนพูดกันมากว่า ไทยจะเสียแชมป์ส่งออกข้าว การได้แชมป์ ไม่ใช่ความปรารถนาของชาวนา
ความปรารถนาที่แท้จริง คือการลืมตา อ้าปากได้
ได้แชมป์ ได้โล่ แต่ยังยากจน อดอยากอยู่ ก็ไม่ไหว ไม่อยากได้
By: ลูกชาวนาไทย
สำหรับผมแล้ว การขาดทุนสัก 50,000 ล้านบาท แล้วไปกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ส่งผลให้รัฐเก็บภาษีอื่นๆ ได้มากกว่า ห้าหมื่นล้าน มันก็คุ้มครับ เพราะขาดทุนจริงๆ ก็เป็นการ "ขาดทุนเงินบาท" คือ ขาดทุนเป็นเงินสกุลเงินบาท ซึ่งจริงๆแล้วรัฐบาลก็สามารถเพิ่มปริมาณเงินได้
แต่เมื่อไปขายต่างประเทศ เงินที่ได้มาเป็นเงินตราต่างประเทศ อาจไม่ได้ขาดทุนอะไรเท่าไหร่นัก
แต่อย่างน้อย โครงการนี้ ก็จะส่งเม็ดเงินลงไปถึงมือชาวนาที่มี "ข้าว" โดยตรง ซึ่งเม็ดเงินนั้น น่าจะมีความสัมพันธ์กับ วงเงินในบัตรเครดิตเกษตรกร ดังนั้น จริงๆ รัฐบาลอาจไม่ได้จ่ายเงินจากงบประมาณเลยก็ได้ เพราะ วงเงินในบัตรเครดิตนั้นเป็นวงเงินจากระบบธนาคาร
By: pae2020
คนที่มองเป็น เขาจะเข้าใจคำว่า"ขาดทุนคือกำไร"...
เขาสนใจกันที่เนื้อหาในการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งการจำนำข้าวมันได้สองเด้งสามเด้ง ผิดกับการประกันราคาข้าวที่รัฐจ่ายไปฟรีๆ มีผลเชิงมหภาคน้อยมาก...
By: KingNight
แต่บทสรุป ที่ตัวเองมีคือ พรรค ปชป.และผู้เสียประโยชน์จากนโยบายจำนำข้าวอันได้แก่พวกชนชั้น พ่อค้าหน้าเลือด กำลังเบี่ยงเบนประเด็น สร้างภาพ เพื่อล้มนโยบาย ที่มีผลกระทบต่อพวกเขา
ซึ่งพวกเขาเคยเอารัด เอาเปรียบคนอื่นมานาน มาเจอแบบนี้ ก็เกิดความไม่พอใจ
ใครทำเพื่อคนรวย ใครทำเพื่อคนจน อย่างแท้จริง ประชาชนผู้ทำนาเขาทราบดีครับ
By: ตึงเฒ่า
ปีนี้เป็นทองของชาวนาครับ ปรากฏการ จำนำอะไรจะได้มากมายขนาดนั้นจากเคยขายได้สมัยหัวถุงยาง 6,000-7,000 บาทปีนี้ทะลุไป 13,000-14,000 บาท มะลิ 18,000-19,000 บาท เงินตกมาถึงชาวนาเต็มๆๆครับปีนี้
ลูกหลานที่เคยมารับจ้างในกรุงกลับไปทำนากันหมดแล้วครับ เด็กจบ ม.6 สมัยมาร์คก็ได้กลับไปเรียนต่อกันแล้วระดับ ป.ตรี
ฐานชาวนาเป็นฐานใหญ่เมื่อชาวนาได้กำไรมีเงินมาใช้จ่าย รัฐก็เก็บภาษีมากขึ้น อย่างท่าน จขกท.ว่ามานั้นแหละ ไอ้ที่ว่าขาดทุนไป 50,000 ล้านไม่ขาดหรอก เมื่อชาวนามีการใช้จ่ายมากก็ไปเก็บภาษีตัวอื่นที่ชาวนาซื้อ ไม่เห็นขาดทุนตรงไหนเลย
By: samulai
ในฐานะที่เป็นคนที่ทำนาและมีประสบการณ์ตรงทั้งประกันรายได้ และัรับจำนำข้าว สรุปง่ายๆ ก็คือ
โครงการประกันรายได้รัฐบาลจ่ายเงินไปแล้ว ข้าวอยู่ที่พ่อค้า คนที่ได้ประโยชน์มากสุดก็คือพ่อค้า พ่อค้าไม่ต้องซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูง และก็ไม่ต้องส่งออกในราคาสูงเช่นกัน เรียกว่าซื้อง่ายขายคล่อง เพราะรัฐบาลเอาเงินไปเติมให้ชาวนาเฉยๆ เช่น ชาวนาขายข้าวให้พ่อค้าเกวียนละ 6,000 บาท รัฐบาลเติมให้อีก 800 บาทถ้าเป็นนาปัง 2,900 บาทถ้าเป็นนาปี สรุปก็คือชาวนาได้เศษเงินไปเพียงเล็กน้อย แต่พ่อค้าได้กำไรมหาศาล รัฐบาลมีแต่เสียอย่างเดียว เพราะจ่ายเงินไปแล้วไม่ได้คืน แทนที่จะนำเอางบประมาณส่วนนี้ไปใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่น
ส่วนโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลรับจำนำข้าวจากชาวนาสูงกว่าราคาข้าวที่รัฐบาลที่แล้วประกันรายได้มากข้าวธรรมดาเกวียนละ 15,000 บาท หอมมะลิ 20,000 บาท รัฐบาลจ่ายเงินไปแล้ว ข้าวอยู่ที่รัฐบาล ถ้ารัฐบาลหาตลาดใหม่ๆเพิ่ม บริหารจัดการดีๆ ก็อาจขายข้าวที่รับจำนำไว้ได้กำไร หรือจะขาดทุนก็เพียงเล็กน้อย โครงการรับจำนำข้าวทำให้พ่อค้าคนกลาง โรงสีเสียประโยชน์อย่างแน่นอน ชาวนาได้ประโยชน์สูงสุด รัฐบาลก็เสียงบประมาณไปกับโครงการรับจำนำข้าวไม่มากหรืออาจไม่สูญเสียเลย ถ้าขายข้าวได้กำไร
ส่วนเรื่องการทุจริตก็มีทั้งสองโครงการ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เรื่องการรับจำนำในอดีตอาจเคยมีการทุจริตจริง แต่ในปัจจุบัน กระทำได้ยาก เพราะต้องมีการลงทะเบียนตั้งแต่เริ่มทำนา ทำกี่ไร่ ที่ดินโฉนดเลขที่ เป็นผู้เช่าหรือเจ้าของ เจ้าหน้าที่จะประเมินว่าพื้นที่อำเภอนี้ได้ข้าวเฉลี่ยไร่ละเท่าไหร่ แล้วก็ให้โควตาจำนำตามพื้นที่ที่ทำนาจริง
ในเรื่องการประกันรายได้ ถ้าชาวนาคนใดไม่มีนาของตนเองต้องเช่านาเขา คนที่ได้ประโยชน์จากเงินที่รัฐบาลเติมให้จะเป็นเจ้าของนาตัวจริงแต่ไม่ได้ทำนาเอง ผู้เช่าจะไม่ได้เงินส่วนนี้เลย
By: KingNight
เงินมันจะตกอยู่ที่ชาวนามากกว่าพวกพ่อค้าผู้เอาเปรียบ เรื่องทุจริต ก็พวกพ่อค้านะแหละโลภมาก เห็นออกมาแฉกัน พวกนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด
By: sopon120
ตอนนี้ชาวนา ไม่เห็นออกมาโวยผิดกันกับตอนประกันราคา ก่อนที่ ไอ้ร้อยตรีเก๊ จะยุบสภา ชาวนาออกมาประท้วงทุกอาทิตย์ ทุกพื้นที่ พวกเพลี้ยอย่าง TDRI นักวิชาการสื่อเงียบหมด
สถานการณ์ข้าวตอนนี้ ประเทศผู้ขายเริ่มปรับราคาขึ้นมาเรื่อยๆ เนื่องจากภัยพิบัติในแหล่งผลิตที่สำคัญของโลกเสียหายอย่างจีน รัสเซีย อินเดีย เวียดนาม โดยเฉพาะ สหรัฐ ผลผลิตเสียหายหนักสุดในรอบ 56 ปี ในขณะที่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีเหนือ แอฟริกา มีความขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง
By: เมืองรถม้า
ประชาชนได้รับเงินเต็มๆ แค่ 10,000 บาท ประชาชนก็ดีใจแล้ว 10,000 บาทเอาไปทำอะไร?????
1. ค่าเล่าเรียนลูก
1.1 ลูกเอาไปทำอะไร
1.1.2 จ่ายค่าเดินทาง (มอเตอร์ไซค์รับจ้าง สองแถว) กระจายรายได้ไป 2 อาชีพแล้ว
1.1.3 จ่ายค่าอาหารกลางวัน ค่าน้ำดื่ม (แม่ค้าดีใจวันๆขายได้เยอะ เพราะเด็กมีกำลังซื้อ)
1.1.4 ซื้อสมุดปากกาหน้าร้านปากซอย ซื้อชุดใหม่ๆ ไม่ต้องใส่ของเก่าซ้ำๆอีกแล้ว
1.1.5 เติมเงินมือถือ 20 บาท ร้านป้าต้อย กลางซอย เอาไว้โทรยามจำเป็น
2. ซื้อกับข้าว ที่ตลาดนัด
2.1 แม่เอาเงินไปทำอะไร
2.1.1 ไปซื้อผัก ซื้อหมู ซื้อปลา กะปิ เกลือ น้ำปลา
2.1.2 ซื้อกับแกล้มให้สามีหน่อย ทำนามา แก้ปวดเมื่อยหน่อย
จากที่ยกตัวอย่างมานี้ ทำให้อาชีพหลายอาชีพ มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน ทำให้เศรษฐกิจ ท้องถิ่นดี มีเงินทุนหมุนเวียน ในท้องที่ อันนี้คือจุดสำคัญมากๆกว่าปัญหาของประเทศเสียอีก
ทำไมคนต่างจังหวัดถึง รัก และ ชอบ คุณทักษิณ ก็เพราะ นโยบาย ตรงนี้ของทักษิณ คือ ทำยังไงให้ให้คนมีเงินใช้จ่ายกันในท้องถิ่น เศรษฐกิจถึงจะอยู่ได้ ทุกอาชีพในท้องถิ่น มีรายได้ ให้ซื้อขายกัน (ไม่ใช่นั่งตบยุง แม้กระทั่งในตลาดสด ที่ต้องมาชั่งไข่ขาย)
เดี๋ยวนี้...ประชาชนไม่ได้เหนื่อยแล้วครับกับการทำนา เกี่ยวข้าว ไถนา ใช้เครื่องยนต์หมดแล้ว เกี่ยวมาสำเร็จ ใส่กระสอบเลย ไม่ต้องกลัวเรื่องแรงงานไม่พอ ไม่ได้ใช้แรงงานคนมากเหมือนแต่ก่อน
สนับสนุนนโยบายนี้เป็นอย่างยิ่ง มีแต่คนที่เสียผลประโยชน์ ที่ออกมาโวยวาย
ยังไม่เห็นชาวนาที่เป็นคนแรกที่ต้องรับกับนโยบายนี้ออกมาโวยวายซักคน...เฮ้อ!!